5  สิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำพลาด ” เมื่อซื้อโคมไฟแต่งบ้าน”

5 สิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำพลาด ” เมื่อซื้อโคมไฟแต่งบ้าน”

เมื่อเราพูดถึงการแต่งบ้านแล้ว ไม่ว่าใครก็ตามต่างก็อยากได้บ้านที่ perfect ที่สวยที่สุดและลงตัวที่สุด ไม่ว่าจะเป็นโทนสี สไตล์การแต่งบ้าน ของต่างๆ เฟอร์นิเจอร์ ผนัง พื้นกระเบื้อง และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือโคมไฟนั้นเอง  ในหลายๆครั้งคนส่วนใหญ่ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับโคมไฟแต่งบ้านน้อยจนเกินไป โดยหารู้ไม่ว่าโคมไฟและลำแสงไฟนี้แหละคือตัวหลักและเป็นตัวการสำคัญที่จะช่วยสร้าง Mood & Tone ให้กับบ้านได้ดีที่สุด 

โดยวันนี้เราจะมาพูดถึงข้อผิดพลาดที่คนส่วนใหญ่ทำ และบอกวิธีแก้ไขเพื่อให้บ้านของคุณออกมาสวยที่สุดและที่สำคัญ ปัญหาน้อยที่สุดในการก่อสร้างด้วยเช่นกัน มีอะไรบ้างเรามาดูกันเลย !

 

blovk May ง2 rotated blovkliving รับออกแบบตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน กรุงเทพ รับออกแบบตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน ผนังตกแต่ง ผ้าม่าน วอลเปเปอร์ บ้าน ทาวน์โฮม คอนโด กรุงเทพ โดยสถาปนิก, อินทีเรียดีไซน์เนอร์มืออาชีพ

1. เลือกแบบการตกแต่งบ้านก่อน 

ก่อนที่เราจะเลือกโคมไฟใดๆก็ตาม เราควรจะรู้และเลือกสไตล์การตกแต่งบ้านของตัวเองก่อนเป็นอย่างแรก ซึ่งการที่ทำแบบนี้จะช่วยประหยัดเวลาของเราได้อย่างมาก การที่เลือกสไตล์การตกแต่งก่อนนั้น เจ้าบ้านอย่างเราจะไม่ต้องเจอปัญหาว่าเลือกเฟอร์นิเจอร์หรือโคมไฟมาแล้วแต่ดันไม่เข้ากับแบบบ้านจนต้องเสียเวลาไปเลือกใหม่อีกทีนั้นเอง โดยเฟอร์นิเจอร์และโคมไฟตกแต่งบ้าน หรือ คอนโดนั้นควรจะเลือกไปในทิศทางเดียวกันสไตล์ของบ้านเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นแบบคลาสสิก คอนเทมโพรารี่ โมเดิร์น หรือลักชูรี่ Luxury เมื่อโทนการแต่งบ้านไปในทิศทางเดียวกันแล้ว ยังไงซะบ้านเราก็จะออกมาสวยอย่างแน่นอน ! ฉะนั้นเราควรตัดสินใจก่อนว่าบ้านเราจะแต่งสไตล์ไหนแล้วเราก็เลือกเฟอร์นิเจอร์และโคมไฟในสไตล์เดียวกันนั้นเอง

 

blovk May ง3 rotated blovkliving รับออกแบบตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน กรุงเทพ รับออกแบบตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน ผนังตกแต่ง ผ้าม่าน วอลเปเปอร์ บ้าน ทาวน์โฮม คอนโด กรุงเทพ โดยสถาปนิก, อินทีเรียดีไซน์เนอร์มืออาชีพ

2. หน้าที่ของแสงไฟแต่ละแบบ

เราควรจะเข้าใจหน้าที่ของแสงไฟแต่ละแบบก่อนว่า แต่ละชนิดต่างกันอย่างไร เพื่อไม่ให้ใช้ผิดเหมือนคนทั่วๆไปแล้วทำให้บ้านเสีย Light and shadow ขาดความ dramatic ลงไป โดยชนิดต่างๆมีดังนี้ :

2.1 ) Ambient Light (แอมเบี้ยนไลท์) หรือที่หลายๆคนรู้จักกันในนามว่า general lighting คือแสงสว่างทั่วๆไปที่ทำให้เรามองเห็นห้องได้เวลาเดินเข้ามา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะใช้ดาวไลท์เป็นหลักในการทำ ambient light แต่แน่นอนสมัยนี้นักออกแบบภายในเริ่มมีการใช้ไฟเส้น Striplight LED มาใส่ในฝ้าหลืบเพื่อส่องออกมาเป็น Ambient light นั้นเอง  ซึ่งการทำห้องให้เกิด Light and Shadow นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ห้องเราสวย แต่คนส่วนใหญ่ผิดพลาดโดยการใช้แสงให้สว่างเท่าๆกันทั้งห้องเหมือนใน office ทำงาน ซึ่งจะทำให้ห้องขาดคาแรคเตอร์นั้นเอง

2.2) Task Light ( ทากส์ไลท์) หรือจำง่ายๆว่าไฟสำหรับทำกิจกรรมที่ต้องใช้สายตานั้นเอง โดยTask Light นั้นเราจะเน้นติดตั้งที่จุดที่เราต้องการทำงานหรือใช้สายตา ยกตัวอย่างเช่น ที่นั้งอ่านหนังสือ เราอาจจะมีโคมไฟตั้งโต๊ะไว้อ่านหนังสือ นี้ก็คือ task light , หรือเราจะติดตั้ง Striplight LED ที่ใต้ตู้ครัว เพื่อที่จะได้ให้แสงสว่างเราในการทำอาหาร ก็เป้นอีกตัวอย่างของ task Light นั้นเอง , หรือจะเป็นโคมไฟเพดานที่ห้อยลงมาเหนือโต๊ะทำงานก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของ Task Light

2.3) Accent Light (แอ็คเซ้นไลท์) หรือจำง่ายๆว่าเป็นไฟส่วนที่เราต้องการ highlight จุดต่างๆ สร้างความ dramatic ความสวยงาม เน้นการใช้ light and shadow อย่างจริงจังเพื่อให้การออกแบบห้องออกมาได้สวยแบบสุดๆ และนี่คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่ขาดไปในการดีไซน์หรือตกแต่งบ้านให้น่าอยู่นั้นเอง 

2.4) Decorative Light (เด็คโคเลทีฟไลท์) หรือที่เรารู้จักกันในนามโคมไฟตกแต่งนั้นเอง โดยหลักสำคัญของการใช้ Decorative light นั้นหน้าที่หลักก็คือใช้ตกแต่ง เสมือนเป็นเฟอร์นิเจอร์ชนิดหนึ่งของบ้าน และใช้ไฟแสงสว่างที่ไม่มากจนเกินไปจนทำให้ปวดตา เพราะที่สุดแล้วหน้าที่หลักของ Decorative light หรือโคมไฟตกแต่งก็คือการทำให้พื้นที่สวยขึ้นด้วยดีไซน์ของโคมไฟที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์น่ามองนั้นเอง

blovk May ง4 rotated blovkliving รับออกแบบตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน กรุงเทพ รับออกแบบตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน ผนังตกแต่ง ผ้าม่าน วอลเปเปอร์ บ้าน ทาวน์โฮม คอนโด กรุงเทพ โดยสถาปนิก, อินทีเรียดีไซน์เนอร์มืออาชีพ

3. อย่าสว่างจนเกินไป

แน่นอนเราฟังกันไม่ผิดหรอก อย่าใช้แสงสว่างจนเกินไปนั้นเอง คืออีกหนึ่งเทคนิคที่จะช่วยให้บ้านเราสวยขึ้น ที่เรากำลังพูดถึงและจะย้ำอยู่เสมอก็คือ โคมไฟที่เป็น Decorative Lamp นั้น ไม่ควรใช้แสงสว่างจ้าจนมองแล้วรู้สึกไม่สบายตา หากเป็นโคมไฟที่โว์หลอดไฟ ตัวหลอดเองก็ควรได้รับการเคลือบทองเพื่อไม่ให้แสงที่ออกมาจากหลอดบาดตาเราและควรเลือกหลอดแสงวอร์มไวท์ (Warmwhite 3000k) เพื่อให้ความรู้สึกสบายตาอีกด้วย

 

blovk May ง5 rotated blovkliving รับออกแบบตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน กรุงเทพ รับออกแบบตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน ผนังตกแต่ง ผ้าม่าน วอลเปเปอร์ บ้าน ทาวน์โฮม คอนโด กรุงเทพ โดยสถาปนิก, อินทีเรียดีไซน์เนอร์มืออาชีพ

4. การเลือกใช้ Master Piece

แน่นอนในบ้านของเราหนึ่งหลังเราสามารถที่จะติดโคมไฟได้หลากหลายที่ อาทิเช่น ไฟติดเพดานโถงทางเข้าบ้าน โคมไฟตั้งโต๊ะบนโต๊ะทำงาน โคมไฟตั้งพื้นข้างโซฟา โคมไฟผนังตามทางเดิน โคมไฟคริสตัลเหนือโต๊ะกินข้าว โคมไฟห้อย เหนือโต๊ะรับแขก โคมไฟระย้าตรงโถงบันได ซึ่งเราสามารถติดได้หลากหลายที่ แต่อย่างน้อยที่สุดที่เราควรจะมีเพื่อให้บ้านเราสวยหลุดออกมาจาก magazine คือตรง โคมไฟเหนือโต๊ะกินข้าว โคมไฟตรงโถงบันได และโคมไฟตรงห้องนั้งเล่นนั้นเอง ซึ่งจุดนี้แหละที่เรากำลังจะเรียกว่า Master piece

blovk May ง6 rotated blovkliving รับออกแบบตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน กรุงเทพ รับออกแบบตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน ผนังตกแต่ง ผ้าม่าน วอลเปเปอร์ บ้าน ทาวน์โฮม คอนโด กรุงเทพ โดยสถาปนิก, อินทีเรียดีไซน์เนอร์มืออาชีพ

5. Interior Designer ผู้ออกแบบภายในและปรึกษาผู้ชำนาญ

สิ่งที่คนส่วนใหญ่พลาดคือการที่แต่ละคนคิดและออกแบบเองโดยไม่ได้จ้างหรือขอความช่วยเหลือจากใคร สิ่งที่เราเห็นอยู่บ่อยๆคือ เมื่อเราไม่มีทิศทางที่แน่นอนของการออกแบบตกแต่ง โอกาสที่ห้องจะออกมา perfect ก็ค่อนข้างยากเช่นกัน แม้ว่าบางคนอาจจะมีหัวศิลปะ และสามารถเลือกสิ่งที่ดี สไตล์ที่ได้ มาตกแต่งบ้าน แต่ว่าอีกหลายคนก็อาจจะมีปัญหาในการออกแบบคิดภาพในหัวเช่นกัน ฉะนั้นเราจึงแนะนำให้ขอคำแนะนำจากผู้ออกแบบภายใน หรือ interior designer  ที่สามารถให้คำปรึกษากับเราได้